วันพุธที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2558

ซากดึกดำบรรพ์ไดโนเสาร์ซากดึกดำบรรพ์ไดโนเสาร์ในยุคไทรแอสสิกพ.ศ. 2550 ได้สำรวจพบพบชิ้น ส่วนไดโนเสาร์ในพื้นที่ อ.ภูกระดึง จ.เลย ได้ขุดชิ้นส่วนกระดูกไดโนเสาร์ส่วนขา สันหลังจำนวนกว่า 10 ชิ้นที่อยู่ในสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ คาดว่าเป็นไดโนเสาร์กินเนื้อในยุคไทรแอสสิก อายุประมาณ 210 ล้านปี โดยเจอที่ชั้นกลุ่มหินน้ำพองห่างจากภูกระดึงประมาณ 6 กม.ซากดึกดำบรรพ์ไดโนเสาร์ในยุคไทรแอสสิกตอนปลาย[แก้]

  • ในปี พ.ศ. 2535 กรมทรัพยากรธรณีสำรวจพบกระดูกสะโพกส่วนหน้าของไดโนเสาร์โพรซอโรพอด ที่ชั้นหินทรายสีแดงของหมวดหินน้ำพอง ในเขตอำเภอน้ำหนาว จังหวัดเพชรบูรณ์ มีอายุประมาณ 200 ล้านปี นับเป็นโครงกระดูกไดโนเสาร์ที่เก่าแก่ที่สุดที่พบในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และนับเป็นการพบซากดึกดำบรรพ์โพรซอโรพอดเป็นครั้งแรกในภูมิภาคนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับฟอสซิลชนิดนี้จากแหล่งต่างๆ ทั่วโลก พบว่าโพรซอโรพอดของไทยมีขนาดใหญ่ แข็งแรง อาจยาวถึง 8 เมตร

ซากดึกดำบรรพ์ไดโนเสาร์ในยุคจูแรสสิก

  • ในปี พ.ศ. 2539 คณะสำรวจไทย-ฝรั่งเศสได้พบแหล่งซากดึกดำบรรพ์ฟันไดโนเสาร์ที่อำเภอคำม่วง จังหวัดกาฬสินธุ์ ในชั้นหินของหมวดหินภูกระดึง อายุประมาณ 150-190 ล้านปี เป็นฟันของไดโนเสาร์เทอโรพอด ไดโนเสาร์ซอโรพอด และไดโนเสาร์สเทโกซอร์ ซึ่งเป็นการพบซากดึกดำบรรพ์ไดโนเสาร์สเทโกซอร์ครั้งแรกในประเทศไทย
  • ซากดึกดำบรรพ์คอมพ์ซอกนาธัส
คอมพ์ซอกนาธัสเป็นไดโนเสาร์ที่มีขนาดตัวเล็กที่สุด แต่เดิมพบเฉพาะในบริเวณประเทศเยอรมนี และประเทศฝรั่งเศส สำหรับในประเทศไทยพบซากดึกดำบรรพ์คอมพ์ซอกนาธัสที่บริเวณประตูตีหมา อำเภอภูเวียง จังหวัดขอนแก่น ซากดึกดำบรรพ์ที่ถูกค้นพบเป็นกระดูกชิ้นเล็กๆ สองชิ้น มีรูกลวงตรงกลางคล้ายกระดูกนกหรือกระดูกไก่ หลังการตรวจสอบพบว่าเป็นกระดูกขาหลังท่อนล่างชิ้นหนึ่ง และเป็นกระดูกขาหน้าชิ้นบนอีกชิ้นหนึ่ง ของไดโนเสาร์ที่มีลักษณะใกล้เคียงกับคอมพ์ซอกนาธัสที่พบในแคว้นบาวาเรีย ประเทศเยอรมนี

ซากดึกดำบรรพ์ไดโนเสาร์ในยุคครีเทเชียส

มีการค้นพบซากดึกดำบรรพ์ไดโนเสาร์ในยุคครีเทเชียสเป็นจำนวนมากในประเทศไทย ซึ่งจำแนกออกได้ดังนี้
การค้นพบรอยเท้าไดโนเสาร์[แก้]
พบในชั้นหินของหมวดหินพระวิหาร อายุประมาณ 140 ล้านปี บริเวณที่พบมี 4 แห่ง ได้แก่
พบรอยเท้าไดโนเสาร์ซึ่งทำให้ทราบว่าเป็นไดโนเสาร์กินเนื้อ เดินด้วยขาหลัง เคลื่อนไหวว่องไว มีขนาดเล็ก นอกจากนี้ยังพบรอยเท้าไดโนเสาร์พวกคาร์โนซอร์ที่มีขนาดใหญ่กว่า
พบรอยเท้าไดโนเสาร์เทอโรพอดขนาดใหญ่ มีรอยเท้ากว้าง 26 ซม. ยาว 31 ซม. รวมทั้งพวกออร์นิโธพอดและซีลูโรซอร์ซึ่งเป็นไดโนเสาร์ขนาดเล็ก รอยเท้ากว้าง 14 ซม. ยาว 13.7 ซม.
พบรอยเท้าไดโนเสาร์กินเนื้อขนาดใหญ่พวกคาร์โนซอร์ รอยเท้ากว้าง 40 ซม. ยาว 45 ซม.
พบรอยเท้าไดโนเสาร์กินเนื้อขนาดย่อม แต่ยังไม่ได้ศึกษารายละเอียด
ซากดึกดำบรรพ์ไดโนเสาร์บริเวณแหล่งขุดค้นไดโนเสาร์ภูเวียง[แก้]
มีการค้นพบซากดึกดำบรรพ์ไดโนเสาร์หลายชนิดในชั้นหินของหมวดหินเสาขัว บริเวณแหล่งขุดค้นไดโนเสาร์ภูเวียง ดังนี้ซากดึกดำบรรพ์ สยามโมไทรันนัส อิสานเอนซิส
ซากดึกดำบรรพ์สยามโมไทรันนัส ถูกค้นพบที่บริเวณหินลาดยาว อำเภอภูเวียง จังหวัดขอนแก่น เมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2536 โดยพบกระดูกสันหลังหลายชิ้นโผล่ออกมาจากชั้นดินทรายสีแดงของหินหมวดเสาขัว ต่อมาพบกระดูกสะโพกด้านซ้าย และกระดูกส่วนหางอีกหลายชิ้นเรียงต่อกัน หลังจากที่คณะสำรวจไทย-ฝรั่งเศสได้ทำการศึกษาอย่างละเอียดแล้วก็พบว่า เป็นไดโนเสาร์ตระกูลใหม่ของไทย จึงได้ตั้งชื่อว่า สยามโมไทรันนัส อิสานเอนซิส (Siamotyrannus isanensis)

  • ซากดึกดำบรรพ์ภูเวียงโกซอรัส ถูกค้นพบที่บริเวณประตูตีหมา
     อำเภอภูเวียง จังหวัดขอนแก่น ประกอบด้วยกระดูกสันหลังส่วนคอ 3 ชิ้น กระดูกสันหลังส่วนกลางตัว 4 ชิ้น กระดูกซี่โครงหลายชิ้น กระดูกสะบักซ้ายและส่วนปลายสะบักขวา กระดูกต้นขาหน้าซ้าย บางส่วนของกระดูกแขน กระดูกสะโพกทั้งสองข้าง กระดูกต้นขาทั้งสองข้าง และกระดูกหน้าแข้งซ้าย ลักษณะของกระดูกที่พบบอกได้ว่าเป็นไดโนเสาร์ซอโรพอดขนาดใหญ่ มีขนาดใกล้เคียงกับ คัมมาราซอรัส ที่ถูกค้นพบในทวีปอเมริกาเหนือ แต่ไม่เหมือนกันทีเดียว จึงอัญเชิญพระนามาภิไธย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มาตั้งเป็นชื่อใหม่ว่า ภูเวียงโกซอรัส สิรินธรเน (Phuwiangosauraus sirindhornae)ซากดึกดำบรรพ์ ภูเวียงโกซอรัส สิรินธรเน
ซากดึกดำบรรพ์กินรีไมมัส ถูกค้นพบในปี พ.ศ. 2552
  • ซากดึกดำบรรพ์คาร์โนซอร์
ซากดึกดำบรรพ์คาร์โนซอร์ พบเพียงแค่ฟัน ที่บริเวณประตูตีหมา อำเภอภูเวียง จังหวัดขอนแก่น โดยฟันที่ค้นพบมีลักษณะแบน ปลายแหลม โค้งงอเล็กน้อยคล้ายมีดโค้ง ที่ขอบมีรอยหยักเหมือนมีดหั่นเนื้อ ฟันลักษณะนี้เป็นฟันของไดโนเสาร์กินเนื้อขนาดใหญ่พวกเทอโรพอด ซึ่งคาดว่าเป็นไดโนเสาร์คาร์โนซอร์
จากการค้นพบซากดึกดำบรรพ์ไดโนเสาร์เป็นจำนวนมากที่แหล่งขุดค้นไดโนเสาร์ภูเวียงนี่เอง ทำให้บริเวณนี้ถูกประกาศให้เป็นอุทยานแห่งชาติ ภูเวียง ในปี พ.ศ. 2535 และเป็นอุทยานไดโนเสาร์แห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ซากดึกดำบรรพ์ไดโนเสาร์อื่นๆ[แก้]

ซิตตะโกซอรัส สัตยารักษ์กี ในแสตมป์
  • ซากดึกดำบรรพ์ซิททาโคซอรัส
ซิตตะโกซอรัส เป็นไดโนเสาร์ปากนกแก้วชนิดหนึ่ง แต่เดิมพบเฉพาะในบริเวณประเทศจีน ประเทศมองโกเลีย และไซบีเรีย สำหรับในประเทศไทยพบซากดึกดำบรรพ์ซิททาโคซอรัสที่จังหวัดชัยภูมิ ในชั้นหินของหมวดหินโคกกรวด ซึ่งประกอบด้วย ส่วนที่เป็นกะโหลกด้านซ้าย และกรามล่างด้านขวาที่มีฟันครบ และได้ตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่ นายนเรศ สัตยารักษ์ ผู้ค้นพบ ว่า ซิตตะโกซอรัส สัตยารักษ์กี (Psittacosaurus sattayaraki)
  • ซากดึกดำบรรพ์อิกธิโอซอร์
ดร.จงพันธ์ จงลักษมณี นักโบราณชีววิทยาของกรมทรัพยากรธรณี ได้พบฟอสซิลของอิกธิโอซอร์ ขนาดตัวยาวเพียง 20 ซม. ในหินปูนยุคไทรแอสสิกตอนปลาย ที่เขาทอง จังหวัดพัทลุง อิกธิโอซอร์ที่พบตัวนี้มีวิวัฒนาการอยู่ในช่วงปรับตัวเพื่อใช้ชีวิตในทะเลยังไม่สมบูรณ์ดี แขนทั้งสองข้างยังเปลี่ยนเป็นใบพายไม่สมบูรณ์นัก รูปร่างและโครงสร้างของกะโหลกยังเหลือร่องรอยของการสืบทอดจากสัตว์บกอยู่มาก
ฟอสซิลของอิกธิโอซอร์ชิ้นนี้นั้บเป็นอิกธิโอซอร์ที่โบราณมาก แตกต่างไปจากพวกที่เคยพบมาแล้ว จึงได้ชื่อใหม่ว่า "ไทยซอรัส จงลักษมณี" (Thaisaurus chonglakmanii) เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้ค้นพบ
เป็นไดโนเสาร์กลุ่ม Iguanodontia ทีพบชิ้นส่วนของขากรรไกรบนด้านซ้ายที่สมบูรณ์และมีฟันติดอยู่ มีลักษณะโดดเด่นเฉพาะตัว พบที่บ้านสะพานหิน ตำบลโคกกรวด อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา และตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่ นายวิทยา นิ่มงาม ผู้ค้นพบ ว่า สยามโมดอน นิ่มงามมิ (Siamodon nimngami)
แหล่งที่พบคือบริเวณสระน้ำของหมู่บ้านโป่งแมลงวัน ตำบลโคกกรวด อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา โดยซากดึกดำบรรพ์ราชสีมาซอรัสได้ถูกค้นพบในปี พ.ศ. 2554
  • ซากดึกดำบรรพ์ของจังหวัดกาฬสินธุ์
หลังจากที่มีการค้นพบซากฟอสซิลครั้งแรกเมื่อปี 2551 ต่อมาในปี พ.ศ. 2555 จังหวัดกาฬสินธุ์ได้พบฟอสซิลไดโนเสาร์กินเนื้อสกุลใหม่ของโลก และชนิดกินพืชตัวใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยนักวิจัยระบุอยู่ในยุคจูราสสิกตอนปลายอายุ 150 ล้านปี[3]
เทศกาลถือศีลกินผัก หรือเทศกาลกินเจนั้น เป็นเทศกาลถือศีลรักษาประเพณี และละเว้นชีวิตจากการบริโภคเนื้อสัตว์ และผลิตภัณฑ์ที่ได้จากเนื้อสัตว์ อาทิ นม ไข่ น้ำปลา และยังงดบริโภคผักที่มีกลิ่นฉุด อาทิ กระเทียม กุยช่าย ฯลฯ ซึ่งในช่วงเทศกาลนี้เอง ผู้คนจะหันมาบริโภคผักกันมากขึ้น และนอกจะเป็นการถือศีลรักษาประเพณีแล้ว การกินผักนั้นยังมีประโยชน์ต่อร่างกายอีกด้วย
          ประโยชน์ 5 ข้อของการกินผัก
          1.ร่างกายจะสามารถขับถ่ายของเสียออกมาได้หมด ทำให้ไม่มีสารพิษตกค้างอยู่ภายใน เพราะสารอาหารจากพืช ผัก และผลไม้ จะช่วยทำให้ระบบขับถ่าย และระบบย่อยอาหาร ทำงานได้ดีขึ้น
          2.เมื่อกินผัก ผลไม้ เป็นประจำ จะช่วยทำให้เลือดถูกฟอกให้สะอาด อีกทั้งยังทำให้เซลล์ส่วนต่างๆ ของร่างกายจะเสื่อมช้าลง นอกจากนี้ยังทำให้ผิวพรรณสดใส และมีสุขภาพที่ดีอีกด้วย
          3.ทำให้อวัยวะสำคัญภายในร่างกาย ได้แก่ หัวใจ ไต ม้าม ตับ ปอด ลำไส้ใหญ่ ลำไส้เล็ก กระเพาะปัสสาวะ กระเพาะอาหาร ถุงน้ำดี ฯลฯ แข็งแรง ทำงานได้เป็นปกติสมบูรณ์
          4.สารอาหารในพืช ผัก จะช่วยทำให้ร่างกายสามารถต่อต้านสารพิษต่างๆ อาทิ ยาฆ่าแมลง สารเคมี หรือมลภาวะ ต่างๆ ได้
          5.การกินผัก ผลไม้ย่อยๆ จะทำให้ร่างกายมีภูมิต้านทานสารพิษได้สูงกว่าคนที่ไม่กินผัก และในบรรดาคนที่กินเจเป็นประจำร่างกายจะช่วยให้ไม่เกิดโรคร้ายแรง เช่น โรคมะเร็ง โรรคหัวใจ ไขมันอุดตันในเส้นเลือด ฯลฯ โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวกับระบบขับถ่าย ระบบย่อยอาหาร และทางเดินอาหาร เช่น โรคริสีดวงทวาร มะเร็งในกระเพาะและลำไส้ โรคอาหารไม่ย่อย เป็นต้น
          การถือศีลกินผัก หรือกินเจนั้น ไม่ใช่แค่การงดกินเนื้อสัตว์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังถือเป็นช่วงเวลาแห่งการถือศีล ทำบุญ อีกด้วย นอกจากจะช่วยปรับสมดุลในร่างกายแล้ว ยังช่วยทำให้สุขภาพแข็งแรง ระบบขับถ่ายดีขึ้นอีกด้วย